ปัจจัยสู่ความสำเร็จในตลาดคริปโทส่วนหนึ่งเกิดจากความสามารถ และทักษะต่างๆ ของผู้เทรด เช่น การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของโครงการ รวมถึงการทำนายทิศทางและแนวโน้มของคริปโต แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความคิดของผู้เทรด (Mindset) ที่มีความสำคัญมากกว่าทักษะ ความสามารถและเทคนิคต่างๆ ที่ได้กล่าวมา

จิตวิทยาในการซื้อขาย หมายถึงความสามารถในการควบคุมอารมณ์ ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ตัดสินใจ และการฝึกวินัยต่าง ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วความกลัวและความโลภกลับเป็นอารมณ์ที่สำคัญที่สุดและยากต่อการควบคุมและทำความเข้าใจ

นักเทรดคริปโทมักจะต้องใช้ความคิดและการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยกำหนดจุดเข้าและออกจากตลาดตามความต้องการ พวกเขาจะต้องมีความสามารถและมีวินัยในการซื้อขายตามแผนที่ตั้งไว้ พวกเขาจะรู้ว่าจุดไหนที่จะได้กำไรและจุดไหนที่มีโอกาสขาดทุน โดยที่พวกเขาจะไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ

เราควรจะต้องรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาดมักจะเกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักจะสามารถควบคุมความกลัวและความโลภของตนเองได้ดี ดังนั้นหากเราเข้าใจในเรื่องความกลัวและความโลภดังกล่าว เราก็จะความสามารถทำกำไรจากมุมมองความคิดของผู้อื่นได้นั่นเอง


แล้วความกลัวคืออะไร?

โดยปกติเมื่อนักลงทุนได้รับข่าวที่ไม่สู้ดีเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี หรือสภาพเศรษฐกิจทั่วไป พวกเขาจะรู้สึกกังวล และอาจคิดมากจนรู้สึกว่า มีความจำเป็นที่จะต้องขายสินทรัพย์ของพวกเขา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถหยุดการขาดทุนไปได้บ้าง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อาจจะพลาดกำไรก้อนโตที่มีโอกาสเข้ามาได้เช่นกัน

ความกลัวเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ที่ตอบสนองต่อภาวะอันตราย ทั้งนี้นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจ ความกลัวที่เกิดขึ้นในการลงทุนซื้อขายคริปโท โดยทำความเข้าใจกับตัวเองเพื่อจะได้รู้ให้แน่ชัดว่าตนเองนั้นกลัวอะไร และทำไมถึงเกิดความรู้สึกกลัว เราควรทำความเข้าใจกับความรู้สึกของเราอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่รอและพยายามหาคำตอบหลังจากเหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านไป

นักลงทุนในตลาดคริปโทจะรู้ว่าพวกเขาควรจะตีความและตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างไร หากพวกเขารู้จักวางแผนความคิดล่วงหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และสามารถส่งผลต่อสภาพพอร์ตของนักลงทุน รวมถึงสุขภาพจิตของนักลงทุนด้วย


เราจะเอาชนะความโลภได้อย่างไร?

คุณเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า "โลภมากลาภหาย" หรือไม่? สุภาษิตนี้หมายถึงภาวะความโลภของนักลงทุนที่อยู่ในจุดที่เคยประสบความสำเร็จมาเป็นเวลานาน และมักคิดว่าจะรอจนกว่าราคาจะลงต่ำสุดจึงจะซื้อ หรือขึ้นสูงกว่านี้จึงจะขาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่เป็นไปตามแผน ในที่สุดกลับต้องซื้อในราคาแพง และขายในราคาขาดทุน

ความโลภเป็นสิ่งที่เอาชนะได้ยาก และมักจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำกำไรได้มากขึ้น แต่นักลงทุนควรจะทำความเข้าใจเพื่อควบคุมความโลภที่อาจเกิดขึ้น และสร้างกลยุทธ์ในการซื้อขายที่อิงตามตรรกะและความเป็นจริงมากกว่าที่คิดเพ้อฝันหรือความเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเอง


การสร้างแนวทางในการปฏิบัติ

นักลงทุนในตลาดคริปโทควรจะต้องพัฒนาหลักการในการซื้อขายของตนเองและปฏิบัติตามแนวทางนั้น นักลงทุนควรจะรู้ว่าเมื่อใดควรเข้าซื้อ และเมื่อใดควรต้องขายโดยคำนึงถึงกำไรที่คุณตั้งเป้าหมายไว้ พิจารณาจากความเสี่ยงที่รับได้และความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยการขจัดความรู้สึกกลัว และความโลภออกไป

นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกการซื้อ-ขายในบางช่วงบางเหตุการณ์ได้ เช่น เมื่อมีข่าวในเชิงบวกหรือเชิงลบ ที่คุณสามารถวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายเหรียญของคุณ หรือคุณอาจจะลองกำหนดการซื้อขายรายวันก็ได้ โดยหากคุณสามารถขายและทำกำไรได้ หรือขายแล้วขาดทุนก็ควรจะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น อย่าลืมว่าเรายังสามารถเทรดใหม่ในวันต่อไปได้เสมอ


หาข้อมูล

นักลงทุนควรที่จะเรียนรู้ทุกอย่างที่สามารถทำได้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี และเหรียญ หรือสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขาสนใจ ทั้งนี้ควรจะติดตามข่าวสาร หาความรู้ให้ตนเอง รวมถึงการเข้าร่วมสัมมนาเพื่อเสริมสร้างความรู้ของตนให้มากขึ้น ให้เวลากับการหาความรู้เพิ่มเติใให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อาจศึกษาจากแผนภูมิ อ่านบทความเกี่ยวข้องกับคริปโท และโครงการเบื้องหลังเหรียญต่าง ๆ ที่ตนสนใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ อย่างที่คุณอาจเคยได้ยินมาว่าความกลัวสามารถเอาชนะได้ด้วยความรู้นั่นเอง!

นักลงทุนควรจะมีความยืดหยุ่นในการทดลองพัฒนาทฤษฎีการซื้อขายของตนเอง เช่น คุณอาจจะคิดหาวิธีลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การทดลองและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองเป็นวิธีการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งสำหรับนักลงทุน โดยประสบการณ์จากการทดลองด้วยตัวเองนี้จะสามารถช่วยลดผลกระทบทางอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วยเช่นกัน


สุดท้ายนี้ นอกจากการประเมินผลกำไรและสภาพพอร์ตปัจจุบันของตนเองแล้ว นักลงทุนควรประเมินผลลัพธ์จากการซื้อขายของตนเองเป็นประจำ นักลงทุนควรพิจารณาว่าจะเตรียมตัวอย่างไรสำหรับการซื้อขายครั้งต่อไป อะไรคือข้อมูลล่าสุดในตลาดปัจจุบัน และความคืบหน้าขององค์ความรู้จากการศึกษาหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง การประเมินศักยภาพของตนเองนี้จะสามารถช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในการซื้อขาย ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้